ก่อนที่เราจะไปรู้จักโรคนี้ เราไปรู้จัก พระเอก และ นางเอกของเรื่องของเราในวันนี้ก่อนค่ะ พระเอกของเรื่องวันนี้ คือกล้ามเนื้อสะโพกค่ะ พี่เค้าชื่อ กล้ามเนื้อ Piriformis  พี่เค้ารับบทเอกในการควบคุมการเคลื่อนไหวช่วงล่าง คือ พี่เค้าทำหน้าที่ช่วยพยุงให้ข้อต่อสะโพกเคลื่อนไหวได้นิ่ง ช่วยยกขาขึ้น,ช่วยงอเข่าขึ้นและกางขาออกด้านนอก , เค้าทำหน้าที่บาลานส์น้ำหนักเมื่อมีการยกเท้าข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งทำให้เราเดินได้ ซึ่งเรียกได้ว่าพี่เค้าเป็นพระเอกในทุก ๆ การเคลื่อนไหวของสะโพกและขาทั้ง 2 ข้างของเราค่ะ ส่วนนางเอก ก็เกิดมาคู่กัน นั่นก็คือ เส้นประสาทที่ทอดสะพานให้พี่เค้า ตั้งแต่กระดูกสันหลังข้อ L4-L5-S1-S2-S2 ผ่าน สะโพกของเราลงไปด้านหลังของขา แล้วก็ไปแผ่กิ่งก้านสาขาเป็นประสาทเส้นเล็ก เส้นน้อย ไปจนถึงปลายเท้าเราเลยค่ะ  นางเอกของเรา หรือ เส้นประสาทที่เรากำลังจะพูดถึง เธอชื่อ Sciatic Nerve ค่ะ การรักษา ไม่ใช่การใช้ยา แต่ ควรเป็นการยืดกล้ามเนื้อ หรือ มีการประคบร้อนเข้าช่วย ได้นะคะ นอกจากนี้ การนวดก็ช่วยบรรเทาอาการได้นะคะ และ ๆ ๆ  เวลาไปหาหมอนวด เราจะไม่บอกหมอนวดว่า เราเป็น

     ก่อนที่จะเริ่มเรียนนวด อยากให้ถามตัวเอง ด้วยคำถามเหล่านี้นิดนึงค่ะ 1. เราจะเรียนนวดเพื่อทำงานในเมืองไทยใช่หรือไม่? 2. ในอนาคตเราอยากเปิดร้านนวดเป็นของตัวเองใช่หรือไม่?      ถ้า คำตอบคือ  ” ใช่ ” ทั้ง 2 ข้อ ก่อนสมัครเรียนคุณต้องรู้สิ่งเหล่านี้ค่ะ       การจะทำงานเป็นหมอนวดได้ อาชีพนี้ต้องได้รับการขึ้นทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุข  โดยคุณต้องมีหลักฐานประกาศณียบัตรที่แสดงว่าคุณผ่านการอบรม หลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่ง ใน 11 หัวข้อ ที่เป็นหลักสูตรกลางของกระทรวงสาธารณสุขค่ะ ทีนี้ 11 หลักสูตรมีอะไรบ้าง ไปทำความรู้จักกันค่ะ      ดังนั้นก่อนที่เราจะจ่ายเงินออกไปเพื่อโรงเรียน หรือ สถาบันไหนก็แล้วแต่ ถามไปตรงๆ  ก่อนเลยค่ะ ว่า “ใบประกาศสามารถนำไปขึ้นทะเบียนได้หรือไม่?” หรือ เราอาจจะขอดูตัวอย่างใบประกาศจากทางสถาบันเลยก็ได้ค่ะ ว่าสามารถออกใบประกาศตามหลักสูตรที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดหรือไม่      ทำไมครูถึงต้องให้ถาม?? เพื่อความมั่นใจของนักเรียนเองค่ะ อย่าไปกล้ว อย่าไปอายค่ะ ถามเลย เพราะครูอยากให้นักเรียนทุกคน จ่ายเงินเรียนแล้วต้องจบ!

หมอมีใบ…. ใบที่ว่า คือ ใบอะไร ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับการขึ้นทะเบียนและ ใบประกาศ เรามาเคลียร์กันเรื่อง คำเรียก “ผู้ให้บริการนวด” เสียก่อน เมื่อก่อน (ไม่ใช่แค่เมื่อก่อน ปัจจุบันก็ยังเรียก) เราจะ เรียกคนที่นวดในร้านนวด ว่า “หมอนวด” เพราะเมื่อเราเมื่อย เราไปนวดก็หายเมื่อย พอเรามีอาการยกแขนยกขาติดขัดพอนวดก็พอบำบัดให้อาการคลายลงไปได้บ้าง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเรียก” ผู้ให้บริการนวด” ที่ร้านนวดว่า “หมอนวด” แต่ทีนี้ มันดันมีบางธุรกิจ บางกิจการที่ เปิดกิจการนวเพื่อสุขภาพแต่ด้นใช้เรื่องการนวดเพื่อประโยชน์อย่างอื่น  แล้วเรียก พนักงานของตัวเองว่า “หมอนวด” เช่นกัน แล้วพวกที่ทำงานประเภทหลัง ดันทำให้ชื่อเสียงของอาชีพนี้ ค่อนไปทางธุรกิจสีเทาเกือบดำ เลยทำให้อาชีพนี้ กลายเป็นอาชีพที่น่าอับอาย และโดนเข้าใจผิดอยู่อย่างสม่ำเสมอ กระทรวงสาธารณสุข เลยออก พรบ. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ปี 2559 ออกมา เพื่อแยกให้ธุรกิจสีขาวจั๊วะ ๆ ออกมาจาก ธุรกิจสีเทากึ่งดำ ซึ่งใน พรบ. นี้แหละ มีเนื้อหาใจความที่สรุปได้ว่า ผู้ให้บริการเพื่อสุขภาพทุกคน ที่จะทำงานในร้านนวดเพื่อสุขภาพ,

นวด!! อาชีพยืนหนึ่ง สำหรับ ใคร หลาย ๆ คนที่อยากจะไปใช้ชีวิตเมืองนอก หรืออยากไปทำงานต่างประเทศ ทั้งนวดไทย, นวดน้ำมัน, นวดเพื่อความงาม นักเรียนส่วนใหญ่มาเรียน เพราะงานนวดสามารถสร้างรายได้ ได้ดีกว่างานอื่นๆ  แต่ไปถึงแล้ว เวลาที่เราทำงาน เรามานวดอย่างเดียวก็ไม่ได้จริงไหมคะ เราก็ต้องมีสื่อสารกับลูกค้าบ้าง หรือ เราใช้แต่ภาษามือมันก็ใช่ที่ ดังนั้น เราก้ต้องมีการเตรียมตัวไปบ้าง เพื่อการสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจ และเกิดความประทับใจในการบริการของเราที่สุดค่ะ ครูมีประโยคที่ใช้เพื่อบอกให้ลูกค้านอน และ พลิกตัวในท่าที่เราต้องการมาฝากกันค่ะ ประโยคแรกนะคะ ถ้าเราอยากให้ลูกค้านอนให้เรานวด เราจะต้องพูดว่า -Please lie Down (พลีส ลาย ดาว) แปลว่า กรุณานอนลงค่ะ ถ้าเราอยากให้ลูกค้านอนหงาย เราต้องพูดว่า -Please lie down on your back (พลีส ลาย ดาว ออน ยอร์ แบค) แปลว่า กรุณานอนหงายค่ะ ถ้าเราอยากให้ลูกค้านอนคว่ำ